Search
Close this search box.

10 เทคนิค การดูแลทารกแรกเกิด ฉบับพ่อแม่มือใหม่

ภาพรวมเนื้อหา

การมีลูกน้อยเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ แต่ก็อาจสร้างความกังวลให้กับพ่อแม่มือใหม่ บทความนี้ขอเสนอ 10 เทคนิค ที่จะช่วยให้คุณแม่ดูแลทารกแรกเกิดได้อย่างมั่นใจ การดูแลทารกแรกเกิด เป็นสิ่งที่สำคัญ พ่อแม่ควรเรียนรู้วิธีการดูแลทารกอย่างถูกต้องเพื่อให้ทารกมีสุขภาพแข็งแรง พัฒนาการสมวัย

ให้นมบุตร

การให้นมบุตร เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเลี้ยงดูทารก นมบุตรเป็นอาหารที่ดีที่สุด มีสารอาหารครบถ้วนที่ทารกแรกเกิดต้องการ ช่วยให้ทารกมีสุขภาพแข็งแรง พัฒนาการดี และสร้างสายใยระหว่างแม่และลูก ควรให้นมตามอัธยาศัย ให้ทารกดูดนมเมื่อต้องการ ทารกแรกเกิดควรดูดนมทุก 2-3 ชั่วโมง ควรให้ทารกดูดนมแม่ล้วนอย่างน้อย 6 เดือน

ท่าทางการให้นมบุตร

  • ท่าคลาสสิก: แม่นั่งพิงพนัก เก้าอี้ ทารกนอนตะแคงอยู่บนแขน
  • ท่าข้ามตัว: ทารกนอนตะแคง ข้ามลำตัวแม่
  • ท่าฟุตบอล: ทารกนั่งอยู่ใต้รักแร้
  • ท่านอนตะแคง: แม่และทารกนอนตะแคง

เทคนิคการให้นมบุตร

  • ประคองศีรษะและลำตัวทารกให้ให้อยู่ในแนวเดียวกัน
  • ปากทารกควรอมหัวนมและลานนมให้มิด
  • ทารกควรดูดกลืนนมอย่างสม่ำเสมอ
  • ให้ทารกดูดนมจนอิ่ม

ปัญหาที่พบบ่อยในการให้นมบุตร

  • หัวนมแตก
  • น้ำนมไหลไม่สะดวก
  • ทารกดูดนมไม่เก่ง

อาบน้ำ

ช่วยให้ทารกผ่อนคลาย นอนหลับสบาย และช่วยให้ผิวหนังของทารกสะอาด ทารกแรกเกิดไม่จำเป็นต้องอาบน้ำทุกวัน อาบน้ำให้ทารก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอ ใช้น้ำอุ่น อุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส ใช้สบู่อ่อนๆ อาบน้ำให้ทารกอย่างรวดเร็ว ประมาณ 5-10 นาที เช็ดตัวทารกให้แห้ง ทาโลชั่นให้ทารกหลังอาบน้ำ

วิธีการอาบน้ำ

  1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
  2. ถอดเสื้อผ้าทารกออก
  3. เช็ดหน้าและตาให้ทารกด้วยสำลีชุบน้ำต้มสุก
  4. เทน้ำอุ่นลงในอ่างอาบน้ำ
  5. ค่อยๆ วางทารกลงในอ่างอาบน้ำ
  6. ประคองศีรษะและลำตัวทารก
  7. ใช้น้ำลูบตัวทารก
  8. ใช้น้ำล้างหน้าทารก โดยใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดจากหัวตาออกไปทางหางตา
  9. สระผมให้ทารก โดยใช้น้ำลูบผมและหนังศีรษะ
  10. ฟอกสบู่ให้ทารก โดยใช้สบู่เหลวสำหรับเด็ก
  11. ล้างสบู่ให้ทารกออกให้หมด
  12. เช็ดตัวทารกให้แห้ง
  13. ทาโลชั่นให้ทารก
  14. ใส่เสื้อผ้าให้ทารก

อุปกรณ์ที่ใช้

  • อ่างอาบน้ำ
  • ผ้าขนหนู
  • สบู่เหลวสำหรับเด็ก
  • สำลี
  • น้ำต้มสุก

ข้อควรระวัง

  • ทารกแรกเกิดยังมีสายสะดือที่ยังไม่หลุด ควรระวังอย่าให้น้ำโดนสายสะดือ
  • ทารกแรกเกิดยังมีผิวหนังที่บอบบาง ควรใช้น้ำอุ่น อุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียส
  • ทารกแรกเกิดยังควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ไม่ดี ควรอาบน้ำให้ทารกอย่างรวดเร็ว ประมาณ 5-10 นาที
  • ระวังอย่าให้น้ำเข้าตา จมูก ปาก และหูของทารก
  • ระวังอย่าให้ทารกสำลักน้ำ
  • ระวังอย่าให้ทารกลื่นสบู่
  • ระวังอย่าให้ทารกตกจากอ่างอาบน้ำ

เปลี่ยนผ้าอ้อม

เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทารกบ่อยๆ เพื่อป้องกันผื่นผ้าอ้อม เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทารกทุก 2-3 ชั่วโมง หรือเมื่อทารกขับถ่าย ใช้น้ำสะอาดหรือทิชชู่เปียกสำหรับทารกเช็ดทำความสะอาด ทาครีมกันผื่นผ้าอ้อมให้ทารกหลังเปลี่ยนผ้าอ้อม

วิธีการเปลี่ยนผ้าอ้อม

  1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
  2. ถอดผ้าอ้อมเก่าออก
  3. เช็ดทำความสะอาดก้นทารกด้วยทิชชู่เปียกสำหรับเด็ก หรือสำลีชุบน้ำต้มสุก
  4. เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  5. ทาครีมกันผื่นผ้าอ้อม
  6. ใส่ผ้าอ้อมใหม่ให้ทารก
  7. ตรวจสอบว่าผ้าอ้อมไม่รัดหรือหลวมเกินไป

อุปกรณ์ที่ใช้

  • ผ้าอ้อม
  • ทิชชู่เปียกสำหรับเด็ก
  • สำลี
  • น้ำต้มสุก
  • ครีมกันผื่นผ้าอ้อม

ข้อควรระวัง

  • ทารกแรกเกิดยังมีผิวหนังที่บอบบาง ควรเลือกใช้ผ้าอ้อมที่อ่อนโยนต่อผิว
  • ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทารกบ่อยๆ เพื่อป้องกันผื่นผ้าอ้อม
  • ควรเช็ดทำความสะอาดให้ทารกอย่างอ่อนโยน
  • ระวังอย่าให้ทารกกลิ้งไปมา
  • ระวังอย่าให้ทารกสัมผัสอุจจาระ
  • ระวังอย่าให้ทารกสำลัก

นอนหลับ

ทารกแรกเกิดต้องการนอนหลับพักผ่อนมาก นอนหลับประมาณ 16-18 ชั่วโมงต่อวัน แต่ละรอบอาจจะนอนหลับเพียง 2-3 ชั่วโมง ทารกแรกเกิดอาจจะนอนหลับไม่ยาวนาน ตื่นบ่อย ให้ทารกนอนหงายบนที่นอนที่แข็ง ให้ทารกนอนร่วมห้องกับพ่อแม่ แต่ไม่ควรนอนบนเตียงเดียวกัน สร้างบรรยากาศให้นอนหลับ เช่น ปิดไฟ หรี่ไฟ เล่นเพลงกล่อมเด็ก

วิธีช่วยให้ทารกแรกเกิดนอนหลับ

  • สร้างบรรยากาศให้นอนหลับ เช่น ปิดไฟ หรี่ไฟ เล่นเพลงกล่อมเด็ก
  • ให้ทารกนอนหงายบนที่นอนที่แข็ง
  • ให้ทารกนอนร่วมห้องกับพ่อแม่ แต่ไม่ควรนอนบนเตียงเดียวกัน
  • พยายามให้ทารกกินนม นอนหลับ และตื่นในเวลา same
  • อาบน้ำให้ทารกก่อนนอน
  • นวดให้ทารกก่อนนอน
  • พูดคุยกับทารกก่อนนอน

หากทารกแรกเกิด นอนไม่หลับ

  • ตรวจสอบว่า ทารกแรกเกิด หิว ร้อน หนาว หรือไม่สบายหรือไม่
  • เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ ทารกแรกเกิด
  • กล่อม ทารกแรกเกิด ให้หลับ

ตรวจสุขภาพ

พาทารกไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ แพทย์จะตรวจวัดพัฒนาการของทารก ฉีดวัคซีนให้ทารกตามกำหนด

ทารกแรกเกิด ควรได้รับการ ตรวจสุขภาพ

  • หลังคลอด: แพทย์จะตรวจ ทารกแรกเกิด ทันทีหลังคลอด เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวม ตรวจดูสัญญาณชีพ ตรวจดูความผิดปกติทางร่างกาย
  • 1-2 วันหลังคลอด: แพทย์จะตรวจ ทารกแรกเกิด อีกครั้ง เพื่อตรวจดูว่า ทารกแรกเกิด ดูดนมได้ดีหรือไม่ ตรวจดูว่า ทารกแรกเกิด ขับถ่ายปกติหรือไม่
  • 1 สัปดาห์หลังคลอด: แพทย์จะตรวจ ทารกแรกเกิด อีกครั้ง เพื่อตรวจดูว่า ทารกแรกเกิด เจริญเติบโตตามปกติหรือไม่ ตรวจดูว่า ทารกแรกเกิด ได้รับวัคซีนครบถ้วนหรือไม่
  • 1 เดือนหลังคลอด: แพทย์จะตรวจ ทารกแรกเกิด อีกครั้ง เพื่อตรวจดูว่า ทารกแรกเกิด พัฒนาการตามปกติหรือไม่ ตรวจดูว่า ทารกแรกเกิด มีปัญหาสุขภาพอะไรหรือไม่

ทารกแรกเกิด ควรได้รับการ ตรวจคัดกรอง โรคทางพันธุกรรมบางชนิด

  • โรคธาลัสซีเมีย
  • โรค G6PD
  • โรคไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ

สังเกตอาการผิดปกติ

สังเกตอาการผิดปกติของทารก เช่น ไข้ ไอ น้ำมูกไหล ท้องเสีย อาเจียน ซึม ไม่กินนม พาทารกไปพบแพทย์ทันทีหากพบอาการผิดปกติ

อาการทั่วไป

  • ซึม ไม่ร่าเริง
  • งอแง ร้องไห้มากกว่าปกติ
  • นอนไม่หลับ
  • กินนมน้อยลง
  • อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • ไข้
  • หายใจลำบาก
  • ชัก

อาการที่บ่งบอกถึงภาวะที่ ทารกแรกเกิด ต้องการได้รับการรักษา อย่างเร่งด่วน

  • หายใจลำบาก หายใจเร็ว หายใจหอบ
  • ชัก
  • หน้าซีด เขียว
  • ตัวเย็น
  • เลือดออก
  • ซึม หมดสติ

กระตุ้นพัฒนาการ

กระตุ้นพัฒนาการทารกแรกเกิด เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เด็กเจริญเติบโตอย่างสมวัยทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้ง่ายๆ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ดังนี้

1. พัฒนาการด้านร่างกาย

  • ทารกแรกเกิด – 3 เดือน: อุ้มลูกบ่อยๆ สัมผัสตัวลูก พูดคุย ยิ้มแย้ม เล่นกับลูกโดยใช้มือและนิ้วมือ
  • 4 – 6 เดือน: จับลูกนอนหงาย จับแขนขาออกกำลัง งอ-เหยียด คว่ำลูกเพื่อฝึกพลิกคว่ำ-หงาย
  • 7 – 9 เดือน: ฝึกให้ลูกนั่ง เกาะยืน พยายามเดิน ฝึกหยิบจับสิ่งของ
  • 10 – 12 เดือน: ฝึกให้ลูกเดินเอง หยิบจับสิ่งของด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้ง โยนของ เล่นบอล

2. พัฒนาการด้านอารมณ์

  • ทารกแรกเกิด – 3 เดือน: ตอบสนองต่อเสียงร้องของลูก สัมผัสตัวลูก พูดคุย ยิ้มแย้ม
  • 4 – 6 เดือน: เล่นกับลูกด้วยเสียงเพลง รอยยิ้ม ท่าทาง
  • 7 – 9 เดือน: เล่นกับลูกด้วยของเล่น ฝึกให้เล่นกับเด็กวัยเดียวกัน
  • 10 – 12 เดือน: อ่านนิทานให้ลูกฟัง เล่นบทบาทสมมุติ

3. พัฒนาการด้านสังคม

  • ทารกแรกเกิด – 3 เดือน: พูดคุยกับลูก ยิ้มแย้ม สัมผัสตัวลูก
  • 4 – 6 เดือน: พาลูกไปพบปะเด็กวัยเดียวกัน เล่นกับลูกด้วยของเล่น
  • 7 – 9 เดือน: ฝึกให้ลูกเล่นกับเด็กวัยเดียวกัน ฝึกให้ช่วยเหลือตัวเอง
  • 10 – 12 เดือน: ฝึกให้ลูกเล่นกับเด็กวัยเดียวกัน ฝึกให้รู้จักแบ่งปัน

4. พัฒนาการด้านสติปัญญา

  • ทารกแรกเกิด – 3 เดือน: เล่นกับลูกด้วยของเล่นที่มีสีสันสดใส แขวนโมบายเหนือเปล
  • 4 – 6 เดือน: เล่นกับลูกด้วยของเล่นที่มีเสียง ฝึกให้ลูกหยิบจับสิ่งของ
  • 7 – 9 เดือน: ฝึกให้ลูกเล่นกับของเล่นที่มีกลไก ฝึกให้ลูกเลียนเสียง
  • 10 – 12 เดือน: ฝึกให้ลูกเล่นกับของเล่นเสริมพัฒนาการ อ่านนิทานให้ลูกฟัง

สิ่งสำคัญ

  • พ่อแม่ผู้ปกครองควรเล่นกับลูกอย่างสม่ำเสมอ อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส
  • เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของลูก
  • สังเกตพัฒนาการของลูก และปรึกษาแพทย์หากพบปัญหา

ดูแลตัวเอง

การดูแลตัวเองเมื่อมีทารกแรกเกิดนั้นสำคัญมาก เพราะนอกจากจะต้องดูแลลูกน้อยแล้ว คุณแม่ยังต้องดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตัวเองด้วย ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการดูแลตัวเองเมื่อมีทารกแรกเกิด:

1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: ทารกแรกเกิดมักตื่นนอนตอนกลางคืนบ่อย คุณแม่จึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเมื่อมีโอกาส พยายามนอนหลับตอนกลางวันเมื่อลูกน้อยนอนหลับ หรือนอนหลับพร้อมกับลูกน้อย

2. ทานอาหารที่มีประโยชน์: คุณแม่ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เน้นผักและผลไม้ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอสำหรับตัวเองและลูกน้อย

3. ออกกำลังกาย: คุณแม่ควรออกกำลังกายเบาๆ เมื่อมีโอกาส เช่น การเดิน การยืดกล้ามเนื้อ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและผ่อนคลาย

4. ขอความช่วยเหลือ: คุณแม่ไม่ควรทำอะไรคนเดียว ควรขอความช่วยเหลือจากคู่ครอบครัว เพื่อน หรือญาติ ในการดูแลลูกน้อย ทำงานบ้าน หรือทำธุระต่างๆ

5. หาเวลาพักผ่อน: คุณแม่ควรหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองบ้าง อาจจะอ่านหนังสือ ฟังเพลง อาบน้ำอุ่น หรือทำกิจกรรมที่ชอบ จะช่วยให้ผ่อนคลายความเครียด

6. พบแพทย์: คุณแม่ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหลังคลอด และติดตามการพัฒนาของลูกน้อย

7. ดูแลสุขภาพจิต: คุณแม่ควรดูแลสุขภาพจิตของตัวเองด้วย หากรู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

8. เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุน: คุณแม่อาจเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนสำหรับคุณแม่มือใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เรียนรู้วิธีการดูแลลูกน้อย และสร้างมิตรภาพกับคุณแม่คนอื่นๆ

9. ดูแลตัวเอง: คุณแม่ควรดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ ทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเอง จะช่วยให้มีสุขภาพที่ดีและพร้อมดูแลลูกน้อย

10. สนุกกับการเป็นแม่: คุณแม่ควรสนุกกับการเป็นแม่ ใช้เวลากับลูกน้อย เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับลูก จะช่วยให้มีความสุขและเติมเต็มชีวิต

เตรียมพร้อม

เตรียมอุปกรณ์สำหรับทารกแรกเกิด เช่น เสื้อผ้า ผ้าอ้อม ของเล่น เตรียมสถานที่สำหรับทารกแรกเกิด เช่น เปล เตียงนอน ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลทารกแรกเกิด

ก่อนคลอด

  • เตรียมร่างกายให้พร้อม: ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
  • เตรียมความรู้: ศึกษาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การคลอด และการดูแลทารก
  • เตรียมอุปกรณ์: ซื้อของใช้จำเป็นสำหรับทารก เช่น ผ้าอ้อม เสื้อผ้า ของเล่น
  • เตรียมสถานที่: จัดห้องนอนสำหรับทารก ให้ปลอดภัย สะอาด และอากาศถ่ายเทสะดวก
  • เตรียมแผนการคลอด: เลือกรูปแบบการคลอด โรงพยาบาล และแพทย์
  • เตรียมเอกสาร: เตรียมเอกสารสำคัญสำหรับใช้ในการคลอด

หลังคลอด

  • ดูแลตัวเอง: ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพจิต
  • ดูแลทารก: เรียนรู้วิธีการให้นม อาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน
  • สร้างความสัมพันธ์กับทารก: พูดคุย สัมผัส กอด เล่นกับทารก
  • ขอความช่วยเหลือ: ปรึกษาแพทย์ พยาบาล ครอบครัว หรือเพื่อน เมื่อมีปัญหา

สิ่งสำคัญ

  • เตรียมตัวล่วงหน้า ศึกษาข้อมูล และเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
  • ดูแลตัวเองและทารกอย่างใกล้ชิด
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทารก
  • ขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา

ขอความช่วยเหลือ

อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากครอบครัว เพื่อน หรือผู้เชี่ยวชาญ

แหล่งข้อมูล

  • โรงพยาบาล: โรงพยาบาลมีแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการดูแลทารกแรกเกิด
  • คลินิก: คลินิกมีแพทย์และพยาบาลที่สามารถให้คำปรึกษาและดูแลทารกแรกเกิด
  • ศูนย์สุขภาพชุมชน: ศูนย์สุขภาพชุมชนมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถให้คำปรึกษาและดูแลทารกแรกเกิด
  • สายด่วน: มีสายด่วนต่างๆ ที่สามารถให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการดูแลทารกแรกเกิด เช่น สายด่วน 1669 ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ

ตัวอย่าง

  • ทารกแรกเกิดมีไข้ สามารถพาทารกไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล คลินิก หรือศูนย์สุขภาพชุมชน สามารถโทรสายด่วน 1669 เพื่อขอคำปรึกษา
  • ทารกแรกเกิดหายใจลำบาก รีบพาทารกไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
  • ทารกแรกเกิดไม่ดูดนม สามารถปรึกษาแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

คำแนะนำ

  • เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินไว้ให้พร้อม
  • จดบันทึกคำถามที่ต้องการถามแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่
  • พาทารกไปพบแพทย์ตามนัดหมาย
  • สังเกตอาการของทารกอย่างใกล้ชิด
  • ปรึกษาแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่หากมีข้อสงสัย

การเตรียมพร้อม

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลทารกแรกเกิด
  • เตรียมอุปกรณ์สำหรับทารกแรกเกิดให้พร้อม
  • เตรียมแผนสำหรับการคลอด
  • เตรียมบ้านให้พร้อมสำหรับทารกแรกเกิด

การขอความช่วยเหลือ

  • อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ
  • มีหลายคนที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ
  • การขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องน่าอาย

บทความนี้ เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น พ่อแม่ควรศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ

บทความแนะนำ

คลิปบันเทิงจัดเต็ม

ติดตามพวกเราได้ที่
ME AND YOU ENTERTAINMENT CO., LTD.
เลขที่ 111 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. 10240
แจ้งปัญหา/ฝากข่าว [email protected]
ภาพรวมเนื้อหา