Search
Close this search box.

JOMO vs. FOMO คืออะไร ความสุขที่แตกต่างกันในยุคโซเชียลมีเดีย

ภาพรวมเนื้อหา

ในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ เราต่างก็เคยรู้สึกถึงความกดดันที่เกิดจากการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นผ่านหน้าจอมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการเห็นเพื่อนๆ ไปเที่ยวในที่สวยงาม กินอาหารอร่อย หรือมีชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบ ซึ่งความรู้สึกนี้เองที่เรียกว่า FOMO (Fear of Missing Out) หรือ ความกลัวการตกหล่น

FOMO คืออะไร?

FOMO คือความรู้สึกวิตกกังวลที่เกิดจากความเชื่อว่าคนอื่นกำลังมีประสบการณ์ที่ดีกว่า หรือสนุกสนานกว่าเรา และเราเองกำลังพลาดโอกาสดีๆ เหล่านั้นไป ความรู้สึกนี้มักจะมาพร้อมกับความอิจฉา ความน้อยเนื้อต่ำใจ และความรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ทำให้เกิดความเครียดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตในระยะยาว

JOMO คืออะไร?

ตรงกันข้ามกับ FOMO JOMO (Joy of Missing Out) หมายถึงความสุขที่ได้จากการอยู่กับปัจจุบัน ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้าง และไม่รู้สึกกดดันที่จะต้องทำตามกระแสหรือเทรนด์ต่างๆ JOMO เป็นการให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่ และมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต

ทำไมเราถึงรู้สึก FOMO?

  • โซเชียลมีเดีย: โซเชียลมีเดียเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิด FOMO เพราะเราจะได้เห็นเพียงภาพลักษณ์ที่ดีที่สุดของคนอื่นๆ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าชีวิตของคนอื่นดูดีกว่าของเราเสมอ
  • การเปรียบเทียบ: การเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ในยุคปัจจุบัน การเปรียบเทียบนี้ง่ายขึ้นมาก เพราะเราสามารถเข้าถึงข้อมูลของคนอื่นได้ง่ายผ่านโซเชียลมีเดีย
  • ความไม่มั่นคง: ความรู้สึกไม่มั่นคงในตัวเอง หรือความไม่มั่นใจในอนาคต อาจทำให้เรารู้สึกกลัวที่จะพลาดโอกาสดีๆ

ผลกระทบของ FOMO

  • ความเครียดและวิตกกังวล: FOMO ทำให้เกิดความเครียดและวิตกกังวล เพราะเรากังวลว่าจะพลาดอะไรไป
  • การนอนไม่หลับ: ความคิดวนเวียนเกี่ยวกับสิ่งที่พลาดไปอาจทำให้เรานอนไม่หลับ
  • ความสัมพันธ์ที่บั่นทอน: FOMO อาจทำให้เราไม่สามารถเพลิดเพลินกับช่วงเวลาปัจจุบันได้อย่างเต็มที่ และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
  • การใช้จ่ายเกินตัว: เพื่อให้รู้สึกดีขึ้น เราอาจพยายามซื้อของหรือทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกไม่ตกกระแส

วิธีรับมือกับ FOMO

  • ตระหนักถึงความจริง: จำไว้ว่าสิ่งที่เราเห็นในโซเชียลมีเดียเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตคนอื่นเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด
  • ลดการใช้โซเชียลมีเดีย: ลองพักจากโซเชียลมีเดียบ้าง หรือตั้งเวลาในการใช้งาน
  • ให้ความสำคัญกับปัจจุบัน: ฝึกฝนการอยู่กับปัจจุบัน และมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: การมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น และลดความรู้สึกเหงา
  • ทำกิจกรรมที่ชอบ: การทำในสิ่งที่เราชอบจะช่วยให้เราผ่อนคลายและมีความสุข

การเลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน หรือ JOMO นั้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่า FOMO เพราะจะช่วยให้เรามีความสุขที่ยั่งยืน และลดความเครียดในชีวิตลงได้อย่างมาก

FOMO และ JOMO เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน การเลือกที่จะเป็นคนที่มีความสุขกับปัจจุบัน หรือเป็นคนที่มีความวิตกกังวลกับอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราเอง การตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเอง และการฝึกฝนทักษะในการจัดการกับอารมณ์ จะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

บทความแนะนำ

ติดตามพวกเราได้ที่
ME AND YOU ENTERTAINMENT CO., LTD.
เลขที่ 111 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. 10240
แจ้งปัญหา/ฝากข่าว [email protected]
ภาพรวมเนื้อหา