วงการบันเทิงต้องยอมเธฮคนนี้ “ตั๊ก ศิริพร” คือตัวแม่ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง! เรียกว่ารันมาทุกวงการตั้งแต่การเป็นนางงาม นักร้อง ตลก คอมเมนต์เตเตอร์ เรียกว่าครบเครื่องจริงๆ และเล่าวีรกรรมสมัยเด็ก บอกเลยงานนี้ใครไหวไปก่อนเลย และล่าสุดกับการรันวงการเต็นท์ ที่ต้องบอกว่าใครๆ ก็ชอบเข้าไปในวงการนี้ แต่ไม่ง่ายที่จะออกมาได้ แต่สำหรับแม่ตั๊กแล้ว? เข้าแล้วออกเลย!
เมาท์หมดไม่สนลูกใคร แม้กระทั่งพิธีกรอย่างพี่คิ้มยังไม่รอดเรียกว่างานนี้ฮาแบบจัดเต็ม ซึ่งบอกได้เลยว่าเธอคือคีย์สำคัญในการสร้างสีสันให้กับงานและทำให้ทุกคนสนุกไปกับเธอได้แบบไม่มีเบื่อ ทุกบทบาทที่แม่ตั๊กรับไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวังจริงๆ!ปิดท้ายกับเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่แฟนๆ รอคอย! เตรียมตัวพบกับการรวมตัวบนเวทีกันอีกครั้งของ 3 ตัวแม่แห่งวงการลูกทุ่ง ตั๊ก, สุ, และฮาย แค่คิดก็สนุกแล้ว รู้เลยว่าเวทีนี้ต้องเต็มไปด้วยความสนุก ความฮา และความมันส์อย่างแน่นอน! เรื่องราวจะเป็นยังไงไปฟังกันเลย
แม่คิ้ม : ตั้งแต่เด็กๆคุณแม่หวงมากใช่มั๊ย
ตั๊ก : ใช่ๆเพราะแม่เค้าไปนั่งเฝ้าหนูทุกวัน
แม่คิ้ม : แล้วตอนเด็ก อยากเป็นอะไร
ตั๊ก : ตอนเด็กหนูรู้ตัวเลยว่าชอบการร้องรำทำเพลงตั้งแต่เด็กๆ
แม่คิ้ม : แต่ล่าสุดเร็วๆนี้เห็นลงภาพประกวดนางงาม
ตั๊ก : ชอบร้องรำทำเพลง ชอบการแสดง นางงามก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งงานในวงการบันเทิงนะแม่มันก็เหมือนกันนะ
แม่คิ้ม : ตอนที่ประกวดนางงามอายุเท่าไหร่
ตั๊ก : ตอนนั้นหนูอายุประมาณ 16 ตอนนั้นประกวดเหมือนเป็นงานเปิดห้างใหม่ที่นครสวรรค์ เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในตอนนั้นแล้ว ประกวดเค้าก็เลยหากิจกรรมให้กับห้าง ก็เลยจัดประกวดนางงาม เลยตกรอบแรกค่ะแม่ 55555 แต่มันจะไม่ตกได้ยัง กลางคืนเราไปร้องเพลง แล้วตอนเช้าก็ไปประกวดนางงาม มันก็หลายรอบอ่ะเนอะในการประกวดมันก็มีต้องทำกิจกรรมกับเค้ามันก็เหนื่อย กลางคืนไปร้องเพลงหนูก็เบลอๆ อ่ะเนอะ วันนั้นไปใส่ชุดกระโปรงสั้นถุงน่องสีดำ แล้วไปยืนร้องเพลงหน้าเวที แล้วไฟหน้าเวทีมันเป็นสปอร์ตไลท์มันก็จ่ออยู่ที่ขาหนู หนูก็เริ่มได้กลิ่นไหม้ แต่มันไม่ร้อนนะ คือมันเริ่มไหม้ถุงน่องเรา แล้วเวลามันไหม้ถุงน่องมันรันเร็วมากเลย ขาก็เลยดำข้างขาวข้าง หนูไม่รู้ตัวว่าไฟไหม้ จนคนดูข้างล่างเค้าชี้บอกไอหนูๆ หนูถึงเห็น พอมาดูแผลมันคล้ายเเผลโดนท่อไอเสียอ่ะแม่ แบบนั้นเลย เนี่ยแผลเป็นยังอยู่เลย แล้ววันรุ่งขึ้นไปประกวด แผลเป็นขาดนี้ เลยคิดว่าหนูกับเส้นทางนางงามไม่น่าจะได้
แม่คิ้ม : แล้วทำยังไงต่อ
ตั๊ก : ไปประกวดนางสงกรานต์ คราวนี้โดนประทัดแม่5555 วันงานสงกรานต์ก็เตรียมตัวกำลังจะขึ้นรถแห่ในนครสวรรค์ ตอนนั้นมีเด็กถือลูกโปร่งสวรรค์ข้างในมันก็มีแก๊สเนอะ หนูเป็นคนที่กลัวลูกโปร่งแตกมากเลย แล้วมีเด็กมันจุดประทัดเล่นแล้วกระเด็นไปโดนลูกโปร่งสวรรค์มันก็เลยระเบิดเข้าลูกกะตาหนูพอดี ตาปิดเดี๋ยวนั้นดีที่ตาไม่บอด หนูก็ยืนร้องไห้ ยายเค้าก็ไปหาพัดโบก แบบที่ใช้โบกให้กษัตริย์ แล้วบอกหนู่เอ้ามึงเอานี่ปิดไปก่อน หนูก็เอาปิดตาไว้ข้างนึงพยายามหันข้างแล้วโบกไม้โบกมือตอนแห่
แม่คิ้ม : ตอนเป็นนักร้องเราประกวดมากี่เวทีถึงได้มาเป็นนักร้องของสยามกลกาล
ตั๊ก : หนูประกวดเวทีเดียวแล้วได้เลย แล้วหลังจากนั้นได้มีโอกาสเจอพี่แจ้ ดนุพล แล้วได้พาไปทำเพลง
แม่คิ้ม : เป็นอัลบัมชุด
ตั๊ก : ฉันไม่ใช่นางเอกจ่ะแม่ และได้ชื่อฉายา ตั๊กลีลา มาตั้งแต่ตอนนั้นเลย
แม่คิ้ม : คุณฮาย กับคุณสุ เข้ามาตอนไหน
ตั๊ก : คุณสุนารี เค้าก็เป็นนางพญาของเค้าอยู่เเล้วเนอะ เจอเค้าตามงานต่างๆ เดินมาเนี่ยหน้าเห็นมาแต่ไกลเลยเนี่ย ทุกวันนี้นางอยู่ต่างจังหวัดนะ นางชอบนั่งสามล่อเครื่อง เพราะนั่งมอเตอร์ไซค์ใส่หมวกไม่ได้ติดโหนก
แม่คิ้ม : แลวไปสนิทกันได้ยังไง 3คน
ตั๊ก : ได้มีไปออกรายการ ซึ่งรายการนี้เป็นการเเข่งขันเป็นทีม แล้วแต่ละทีมต้องมีหัวหน้าทีม หนูก็ไปเป็นหัวหน้าทีม หนูก็คิดว่าเดี๋ยวไปนัดมุขกับพี่สุดีกว่า ในใจก็คิดว่าเค้าจะเล่นกับเรามั๊ย เพราะเค้านั่งนิ่งเป็นนางพญาอยู่ อยากจะเอาปาท่องโก๋วางบนโหนกแก้มจริงๆ หนูก็เลยเข้าไปทักเจ้สวัสดีค่ะ ไปนัดแนะมุข่าหนูอยากเล่นแบบนี้พี่สุเล่นกับหนูหน่อยได้มั๊ยเราก็พูดกับเค้าเนอะ พอถึงเวลาหนูก็เล่นตามที่นัด นางก็เล่นหนูคิดว่านางน่าจะเล่นสัก60 แต่นางเล่นเกิน100
แม่คิ้ม : ตัวจริงๆ สุนารีเป็นคนยังไง แล้วจุดไหนที่เรามองว่าเค้าเป็นคนน่าคบ
ตั๊ก : พี่สุเป็นคนจั….ไรคร้า 55555 จุดที่น่าคบก็เป็นจุดนี้แหละค่ะ ส่วนฮายอาภาพรจะเป็นคนสม่ำเสมอเรื่องจั..ไร เค้าจะมากับชุดคอร์เซ็ทของเค้า ไม่มีจะใส่ชุดสีอะไรฮายจะต้องมีชุดคอร์เซ็ทสีดำ ที่ใส่มาเป็น10-20ปี แล้วและถ้าไปดูใกล้ด้ายนี่รุ่ยหมดแล้ว จนหนูกับพี่สุอำมันเรื่อย นี่ล่าสุดไปตัดมาใหม่แล้วสีน้ำเงิน
แม่คิ้ม : แล้วกับฮายอาภาพรเป็นยังไง
ตั๊ก : จริงกับฮายรู้จักกันมานานเเล้ว ไม่ดื้อ แต่นางจะมีความมั่นใจในการแต่งตัว มีอยู่อันนึงเวลาไปไหนหนูนึกว่าผ้าเจ็ดสีเจ็ดศอก
แม่คิ้ม :แล้วเรื่องตัวเลขของนางเป็นไง
ตั๊ก : ฮาย ซื้อเยอะ เยอะกว่าพี่สุด มันลงแต่ที่ถูกแล้วที่ถูกมันไม่พูด หนูเห็นและ ถูกฉ่ำๆ 10ใบ แต่ไม่ถูกอีกเป็นร้อย อย่าให้กูพูด
แม่คิ้ม : แอบได้ยินข่าวแว่วๆ มาว่าตั๊กแยกห้องกับพี่นุ้ย
ตั๊ก : จริงๆแล้วตอนแรกเราก็ไม่ได้แยกห้องกับพี่นุ้ยหรอกนะ แต่ช่วงหลังหนูไปทุ่มเทกับน้องหมา แต่เดิมเค้ามีกัน4 แต่ตายไปแล้ว3 ซึ่งเหลืออยู่ตัวเดียวชื่อน้องกีต้าร์ น้องภูเป็นคนตั้งชื่อ หนูแค่รู้สึกพอพี่น้องเค้าตายไปแล้ว3ตัวหนูกลัวเค้าเหงาหนูเลยเอาเค้ามานอนกับหนู ซึ่งหนูเอาหมามานอนบนเตียงกับหนูผัวหนูก้เลยต้องไปนอนที่อื่นไง ส่วนพี่นุ้ยก็ดี๊ดี ที่เข้าใจหนูรู้ว่าหนูห่วงหมามาก เค้าก็เลยเสียสละ พี่นุ้ยเค้าก็เรียกลูกชาย คือลูกเราเค้าก็โตแล้วเค้าก็ไปมีชีวิตของเค้าแล้วเค้าก็ไม่ได้มาอะไรกับเราแล้ว แต่หมาเนี่ยตั้งแต่เกิดยันตายมันก็จะรักเจ้าของและอยู่กบเจ้าของยันตายแหละ
แม่คิ้ม :เราเหมือนคู่ที่ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ อยู่เหมือนเพื่อนกันแล้ว
ตั๊ก : พี่นุ้ยตอนนี้เค้าก็เจอทางของเค้า แม่ก็เห็นว่าพี่นุ้ยตอนนี้เค้าไปกางเต้นท์ของเค้าไปทริปที่นั่นที่นี่กับเพื่อนกลุ่มเค้า แต่หนูไม่ไปนะ หนูแค่คิดว่าสถานที่มันสวยก็จริงแต่กูต้องไปกางเต้นท์เก็บเต้นท์ อยากนอนโรงแรมดีๆ อยากกินอาหารที่ไม่ได้มานั่งทำเองปิ้งเอง วงการเต้นท์นะบางคนชอบเข้าแล้วออกยาก แต่บางคนนะ เข้าแล้วออกเลย55555 ส่วนหนูเนี่ยเข้าแล้วออกเลย แล้วล่าสุดเป็นเต้นท์หลังคา หนูก็ห้ามแล้วนะว่าดูวัยตัวเองด้วยต้องเดินขึ้นลงๆ และที่สำคัญมึงอ้วน5555 ทริปเดียวกลับมาขายเลย
แม่คิ้ม : ตอนนี้อายุ 50 นิดๆแล้ว เรามองข้างหน้าว่าจะร้องเพลงยังไง เราจะอยู่ในแวดวงนี้อีก10ปีข้างหน้ายังไง
ตั๊ก : คือปีนี้อาจจะมีคอนเสิร์ตนะ เพราะหนูตั้งใจนะเพราะหนูคุยกับเจ้าของคอนเสิร์ตไปแล้วว่าครั้งนี้จะเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของหนู แล้วหนูก็จะไม่ขึ้นไม่จัดคอนเสิร์ตอีกแล้ว
แม่คิ้ม :เวลาขึ้นคอนเสิร์ตเราเอาเวลาไหนไปทำการบ้าน ขึ้นนี่คือที่เหลือตุย อย่างตอนขึ้นคอนเสิร์ตแม่คิ้มเอาพัดลมมาจากไหนก่อน
ตั๊ก : อย่างล่าสุดนะรู้สึกเป็นเกียรติมากๆเลยที่พี่คิ้มให้พี่ตั๊กไปเป็นเกรทรับเชิญในคอนเสิร์ตพี่คิ้ม คือเค้าให้เกียรติเรามากๆ เราก็ต้องให้เกียรติเค้ามั๊ยให้สมกับที่เค้าเชิญเรามั๊ย
แม่คิ้ม :ก็รู้ว่าทำเต็มที่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำขนาดนี้
ตั๊ก พี่คิ้มเคยพูกับพี่ตั๊กว่า มึงจัดให้กูเต็มๆ ขอแบบเป็นนางพญาชุดให้มันสง่าเลย เราก็จะจำ ตัวเองพูดอะไรไปไม่รู้หรอก ดิฉันพูดได้เลย พูดไปแล้วก็ลืม แต่เราเนี่ยจำ วันรุ่งขึ้นเราก็ไปตัดชุดเลย แล้วคือกูออกเองด้วยก็จัดให้พี่คิ้มไป แล้วพี่คิ้มก็เลือกเพลงให้พี่ เพลงสุดฤทธิสุดเดช คือเป็นเพลงสนุกเราก็คิดว่าเราจะทำยังไงให้คนที่มาดูสนุกไปกับเราด้วย หนุเลยสั่งให้ช่างแต่งหน้าหนูหิ้วพัดลมมาเลย เป็นมุขที่คิดเดี๋ยวนั้นเลย
ส่วนกับพี่คิ้มรู้จักมาตั้งแต่อายุ18-19 ปี 30กว่าปีที่รู้จักกันมาพี่คิ้มเป็นคนใจดีเห็นปากแบบนี้ รู้สึกยังไงก็พูดออกไปตรงๆ อย่าไปถือสา ห่วงนะ ห่วงเรื่องปากเนี่ย เพราะพี่ตั๊กรู้ว่าในธรรมชาติของพี่คิ้มเป็นยังไง และพี่ตั๊กรับได้ในความเป็นธรรมชาติของแก แต่คนอื่นไงกับคนอื่นที่เค้ารับไม่ได้ กูห่วงเค้าตรงนี้ แต่พี่คิ้มเค้าเป็นตัวอย่างให้พี่นะ เวลาใช้ชีวิตนี่คือความสุขของฉัน ฉันไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน แล้วอะไรที่เป็นความสุขของเรา แล้วเราไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนทำไปเถอะค่ะ
ความสนุกยังไม่หมดแค่นี้สามารถรับชมย้อนหลังได้ตาม Link ที่แนบมาค่ะ