วันนี้ธีมงานได้รับการออกแบบโดยแพลนเนอร์ ให้เป็นบรรยากาศที่คาดเดาไม่ได้ อยากให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ ธีมที่เลือกคือ Art Nouveau (อาร์ต นูโว) ซึ่งไม่ได้เน้นดอกไม้มากนัก แต่จะใช้ภาพศิลปะและองค์ประกอบที่มีความงดงามในแบบเฉพาะตัวแทน
นิกม์เองก็ชอบและบอกว่าสวยมาก เขาให้ความร่วมมือเต็มที่ ไม่ใช่แค่งานนี้ แต่เขามักตามใจวุ้นทุกเรื่องเลย เราก็มีถามเขาว่าอยากได้อะไรบ้าง แต่เขาไว้ใจเรา และให้คำแนะนำในจุดที่เขาถนัด เพราะเขาไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้ แต่เก่งในส่วนของอาฟเตอร์ปาร์ตี้และเรื่องเครื่องดื่มมากกว่า”
“คำสัญญาเท่าที่เราคิดไว้ คือสัญญาว่า สิ่งสำคัญที่สุดในครอบครัวก็คือการอยู่เคียงข้างข้างกัน ซัพพอร์ตกันทุกเรื่อง เขาต้องการอะไร ก็คืออยากจะซัพพอร์ตเรื่องความสุขเขา อยากไปไหนทำอะไรเราจะสนับสนุนให้เขามีความสุข
และถ้าเกิดเขามีเรื่องอะไรที่เหนื่อยในชีวิต หรืออ่อนแอหรือเรื่องเครียด เราก็จะเป็นส่วนที่ซัพพอร์ตเติมเต็มให้เขามีพลังงานอีกครั้ง ก็สัญญาว่าจะทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด จะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป
(มองหน้ากัน) แล้วจะเป็นคนที่ที่ดีสำหรับคุณ เราอยากให้เป็นความสุขของกัน และกันแบบนี้ตลอดไป เพราะมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรู้สึกของเราสองคนแล้ว”
นิกม์- “อย่างที่วุ้นเคยบอกว่า ความสุขมันไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ความสุขของก็คือการดูแลกันตั้งแต่เช้าจนเย็น ผมอยากทำกาแฟให้เขาตอนเช้า อยากให้เขาซบตอนกลางคืน ก็เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆในทุกๆวัน ก็สัญญาว่าจะทำแบบนี้ทุกวัน”
อะไรทำให้ไม่เปลี่ยนใจจากเจ้าสาวคนนี้ ?
นิกม์- “จากวันแรกที่คบกัน มาถึงวันนี้ ช่วงแรกที่เจอกัน เขาจะถามเสมอว่ายูโอเคไหม ยูโอเคไหม เขาจะเป็นอย่างนั้นเสมอ มีความห่วงใยทุกวันนี้ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ แล้วก็สวยเหมือนเดิม”
วุ้นเส้น- “วุ้นรู้สึกว่า อยากให้คนที่อยู่กับวุ้นมีความสุข อยู่ด้วยแล้วถ้าหน้าเขาไม่ยิ้ม ก็จะถามว่าเขาโอเคไหม ก็เลยถามตลอด เวลาไปข้างนอกก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆมากมาย หรือเวลาที่เราไปงาน ก็จะถามว่าเออเธอเมาไหม เป็นยังไง ก็เป็นห่วงอยากดูแลคนนี้ เขาเป็นคนเรียบร้อยไม่ค่อยพูด เราพูดเก่งกว่าเขา
จริงๆเราก็ค่อยค่อยบอกเขา คือชีวิตเราไม่ได้ง่าย เวลาที่เราอยู่ด้วยกันสองคนที่บ้านน่ะ เราก็จะง่ายมากๆ ชิวๆไม่แต่งหน้า สบายมากๆ เขาก็คืองงว่าถ้าไปอยู่ข้างนอกเป็นอีกแบบ ทำไมมันถึงแตกต่าง เราเลยบอกว่า ก็นี่บ้าน แล้วก็เรื่องถ่ายรูป คือเขาอ่ะก็จะน่ารัก เขาจะตั้งใจถ่ายรูปเป็น 10 10 ไม่บ่น จริงๆก็เลยคิดว่าเขาอ่ะใจเย็นนะเขาอยู่กับเราได้”
แล้วระหว่างทางมันรู้สึกว่าจะต้องปรับตัวไหม?
นิกม์- “ก็มีบ้างครับ เขาก็จะบอกว่า สเตเฮลตี้ สเตฟิต นิดนึง ภาพจะได้ออกมาดี”
วุ้นเส้น- “วุ้นไม่ได้บังคับนะ ก็บอกว่าเธออยากอ้วนก็อ้วนได้ แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เขาก็ชอบตัวเองในเวอร์ชั่นนี้ อย่างอื่นมันไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าไม่เฮลตี้ ร่างกายสุดเกินก็มีปัญหา ก็เลยใช้ชีวิตให้มันมีคุณภาพที่ดีๆ ดีกว่า”
ตั้งแต่คบจนมาเป็นสามีภรรยากัน มันเป็นยังไงบ้าง?
นิกม์- “รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ตั้งใจ แรกๆเป็นยังไงตอนนี้ก็เป็นยังงั้นไม่มีวันเปลี่ยน สม่ำเสมอเอาใจใส่ ทุกวันนี้ยังเอาใจใส่อยู่ บางทีอาจจะยังไม่ชินกับคนเยอะเขาก็จะมาถามเราตลอดว่าไหวไหมที่มาเจอกับพี่ๆนักข่าว เขาก็จะถาม ดูแลเราตลอด”
วุ้นเส้น- “อย่างที่วุ้นบอกว่าเวลาเราอยู่ข้างนอกเวลาที่เราเจออะไรหนักๆ เวลามาเจอเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันเบาลง ก็เลยคิดว่าเขาเป็นความสุขของเราจริงๆ พอเราได้คบกัน ได้ผ่านเรื่องราว ทั้งเรื่องดีเรื่องทุกข์ เรื่องที่ทำให้เราหมดแรง พออยู่กับเขาอ่ะ มันก็เหมือนว่ามี energy มีพลังอีกครั้ง มันก็เลยรู้สึกว่าเลือกคนไม่ผิด ในเวลาที่เราต้องการเวลาเราอ่อนแอ”
วางแผนจะมีทายาทไหม?
วุ้นเส้น- “เรื่องลูก ตอนที่เราคุยกันว่าเราจะมีไหม ทำได้ไหมอายุเท่านี้ วุ้นก็ไม่สัญญาว่าเราจะทำได้ 100% คือรู้สึกวันนี้ นิกม์เขาอยากมี เราก็อยากให้เขามีในตรงนี้ แต่ว่าก็อย่าคาดหวังเพราะว่าอายุเราไม่ได้น้อยๆ การแต่งงานไม่ได้เป็นหลักว่าเราแต่งงานเพื่อมีลูก แต่ถ้ามีก็คือมาเติมเต็มครอบครัว”
นิกม์- “ผมคิดว่าวุ้นน่าจะเป็นแม่ที่ดี ผมก็อยากจะสร้างครอบครัวกับเขา ก็อยากมีครอบครัวกับเขา (กี่คน?) คิดไว้คือหนึ่ง”
วุ้นเส้น- “วุ้นก็เลยบอกว่าหนึ่งก็น่าจะไหว สำหรับครอบครัวเล็กๆอย่างเรา เราดูความเป็นจริงด้วยว่าถ้ามีอีกคนเราอาจจะแก่เกินไปกว่าลูกจะโต”
เตรียมตัวยังไงที่จะเป็นทั้งแม่บ้าน และออกไปทำงานข้างนอก?
วุ้นเส้น- “คือยากมากๆที่เป็น walking women แล้วก็มาเป็นแม่บ้าน คือเราอยู่ด้วยกันแบบไม่มีแม่บ้าน ทำเองหมด เป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก แล้วก็ชอบความเป็น private ที่อยู่ด้วยกันแล้วก็ช่วยกันทำงาน ก็เลยคิดว่า บางทีเราไม่ได้เป็นแม่บ้านตลอดอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง หรือว่าบางทีนิกม์เขาก็ซัพพอร์ตตรงนี้ ช่วยดูแลช่วยทำอาหาร ก็เลยรู้สึกสบาย
ตอนแรกอ่ะกังวล ที่ทั้งข้างนอกทั้งในบ้าน เพราะตอนโควิดอ่ะเราไม่มีงานข้างนอก เขาก็เห็นมุมแม่บ้านร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเกิดเราต้องออกไปข้างนอกด้วยอ่ะอาจจะมีเวลาอยู่ที่บ้านน้อยกว่าเดิม แต่ตอนนี้บาลานซ์ได้ รู้สึกว่าเขาก็ช่วยด้วย เราก็คุยกันรู้เรื่อง”
แล้วนิกม์ชอบแบบไหนมากกว่ากัน แม่บ้าน, walking, สาวสังคม?
นิกม์- “ก็ชอบหมดเลย ถ้าเป็นเดี่ยวๆก็คืออาจจะไม่ใช่วุ้น เพราะว่าชอบทุกอย่างก็เป็นวุ้นหมดเลย”
ยากไหมที่กว่าจะชนะใจวุ้น?
นิกม์- “ก็ค่อยๆ เหมือนจูนกันเรื่อยๆ ก็เลยมีความรู้สึกว่า ไม่เร็วไปหรือเขาช้าไป ก็ค่อยๆเดินไปด้วยกัน เขาก็พยายามดูเรา เหมือนเราว่าโอเคไหม ก็ค่อยๆดูกันไป ก็เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยเครียดมากตอนที่จีบกัน”
วุ้นเส้น- “เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วค่ะ มันคือโควิดค่ะ ไปไหนไม่ได้ ก็จริงนะถ้าไม่มีช่วงจังหวะนั้นก็อาจจะไม่ลงเอยกัน ไม่ได้เรียนรู้กันจริงๆ ในเวลานั้นอาจจะทำให้เราต่างคนต่างไปนู่นไปนี่ไปเจออะไรมากมาย แต่ว่าพอมีโอกาสตรงนั้นมันก็เลยทำให้เรารู้จักตัวตนกันดีขึ้น เพราะว่าเรียนรู้กันสองคนในเวลาตรงนั้น”
ถ้ามีทายาทจริงๆ วางแผนงานยังไง?
วุ้นเส้น- “เราก็คุยกับพาร์ทเนอร์ทำธุรกิจเหมือนกัน เพราะว่าที่ทำงานมาตั้งแต่ 18 ถึง 40 กว่าแล้ว ทั้งในวงการแล้วก็ธุรกิจของตัวเอง มันก็ยังไม่ได้มีช่วงเวลาที่เราอยู่เฉยๆ นั่งเฉยๆ เราก็อยากจะมีซักช่วงจังหวะที่เราอาจจะอาจจะท้องหรือพักกับครอบครัว ก็คุยกันว่าทำเท่าที่ไหว เขาก็ต้องทำงานในส่วนของเขา เราก็จะทำให้เราทำในส่วนของเรา ก็จะให้เขารู้ว่าเราอาจจะทำงานน้อยลง เราก็จะเน้นความออกความคิดเห็นเราก็จะพยามทำให้ดีที่สุดทั้งสองอย่าง”
หลายคนแซวว่าเราลัดคิว?
วุ้นเส้น- “เพื่อนก็บอกว่าอยากมีเวลาอย่างนี้ บางคนรุ่นน้องยังไม่ถึง 30 บอกท้อ หนูอายุ 30 แล้วยังไม่มีแฟน พี่บอกใจเย็นๆพี่ บอกล่าสุดพี่ก็เกือบ 40 คือมันไม่มีอะไรสายเกินไป ก็อยากให้กำลังใจทุกคน ทุกคนน่ะมีคนที่รออยู่อยู่แล้ว ไม่ต้องเครียดว่าจะต้องเจอ เพราะว่าชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็หวังว่าจะเจอความรักที่ดีเหมือนที่วุ้นเจอ”