โซดาไฟ หรือ โซเดียม ไฮดรอกไซด์ (Sodium hydroxide) มีคุณสมบัติเป็นด่างและมีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง รูปร่างเป็นเกล็ดสีขาว ไม่มีกลิ่น มักรู้จักกันในฐานะของที่ใช้แก้ปัญหาท่อตัน ชำระล้างคราบติดแน่นตามบ้าน
อันตรายของโซดาไฟ
โซดาไฟความเข้มข้นสูง ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดนั้นอันตรายมากถ้ากินหรือสูดดมเข้าไป ทำให้ปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด ถ้าโดนผิวสามารถกัดผิวหนังได้รุนแรงแบบการสาดน้ำกรด ถ้าเข้าตาก็สามารถทำให้ตาบอดได้ ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ใส่ถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งเมื่อใช้
สินค้าอะไรบ้างที่ผสมโซดาไฟ
โซดาไฟจะพบได้ทั่วไปในสินค้าจำพวกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างท่อ คงไม่มีใครนึกว่าจะเอาสารนี้มาทาหน้าได้ แต่จริงๆแล้วครีมบำรุงผิว หลากหลายยี่ห้อ มีการใช้โซดาไฟเช่นกัน ถ้าลองเสริชชื่อแบรนด์ครีมบำรุงผิวยี่ห้อดังๆที่คุณรู้จัก ก็จะเจอว่ามันถูกใช้เป็นส่วนผสมจริงๆ
- เครื่องสำอาง
- สบู่
- โฟมล้างหน้า
- ครีมบำรุงผิว
- ยาทาเล็บ
- น้ำยาล้างเล็บ
โซดาไฟเอามาทาหน้าได้จริงหรือไม่
หลายๆที่ได้รู้ก็คงสงสัยว่าทำไม ผู้ผลิตถึงใส่สารอันตรายนี้ลงไปในครีมให้เราทา นั่นก็เพราะว่าโซดาไฟ สามารถช่วยปรับสมดุลค่า PH ของตัวครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
เนื่องจากตัวโซดาไฟเองนั้น มีความเป็นด่างสูงมาก และโดยทั่วไปแล้วผิวหนังของเราจะมีความเป็นกรดอยู่ (ค่า PH ประมาณ 4-7) การผสมโซดาไฟเข้าไปก็เพื่อรักษาสมดุลของผิว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผิว เช่น
- สิว
- ผิวแห้งและคัน
- เกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิว
- ริ้วรอย
นอกจากนี้โซดาไฟยังใช้ในกระบวนการผลิตสบู่ ที่จะช่วยเปลี่ยนไขมันและน้ำมัน ให้กลายเป็นสบู่เนื้อเนียนละเอียดอีกด้วย
ผลข้างเคียง
โซดาไฟนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้กับผลิตภัณฑ์เสริมความงามได้อย่างปลอดภัย ในปริมาณที่ถูกต้องและมีความเข้มข้นต่ำมาก แต่สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย อาจจะมีอาการต่างๆดังนี้
- มีผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ
- ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย
- อักเสบและระคายเคือง
แนะนำว่าก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควรที่จะทดสอบบนผิวบริเวณเล็กๆก่อน ถ้าเป็นครีมทาหน้าให้ทดสอบโดยทาบริเวณหลังใบหูหรือตามแนวกราม ถ้าเป็นครีมทาตัวให้ลองทาที่ข้อมือ แล้วรอ 24 ชั่วโมง เพื่อดูว่าจะเกิดอาการระคายเคืองไหม ถ้าไม่มีปัญหาอะไร แปลว่าสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยกับผิวของเรา