ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเราทุกคนตามธรรมชาติที่หลายๆคนไม่อยากให้เกิดขึ้น ปัจจุบันมีนวัตกรรมทางการแพทย์หลากหลายรูปแบบเพื่อช่วยให้ใบหน้าของเราดูอ่อนกว่าวัย โดยแบ่งเป็นแบบที่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องผ่าตัด
ยกกระชับหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด
การยกกระชับหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด (Nonsurgical Facelift) ส่วนใหญ่แล้วจะมุ้งเน้นไปที่การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว โดยผลลัพธ์ ระยะเวลาเห็นผลจะแตกต่างกันไป
ข้อดีของการไม่ต้องผ่าตัด
- ค่าใช้จ่ายถูกกว่าการผ่าตัด
- ไม่ต้องพักฟื้น หรือพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัด
- ใช้เวลาทำน้อยกว่า
- ความเสี่ยงน้อยกว่าการผ่าตัด
ประเภท | จุดเด่น |
---|---|
Ultherapy (อัลเทอราพี) | ใช้พลังงานความร้อนจากคลื่น Ultrasound ความเข้มสูงกระตุ้นชั้นผิว SMAS ระดับเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ให้ใบหน้ากระชับ มีจุดเด่นเรื่องความแม่นยำและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ตามการประเมินของแพทย์ |
HIFU (ไฮฟู) | ใช้พลังงานความร้อนจากคลื่น Ultrasound กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวคล้ายการทำ Ultherapy |
Thermage (เทอร์มาจ) | เป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง สร้างความร้อนใต้ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน |
Threadlift (ร้อยไหม) | ใช้ไหมละลายร้อยใต้ผิวหนังเป็นโครงข่าย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนตามแนวของการร้อยไหม |
Botox (โบท็อกซ์) | เป็นการฉีดสาร “โบทูลินั่ม ท็อกซิน” เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ถ้าหากใช้เพื่อจุดประสงค์ในการยกกระชับหน้า มักฉีดในมัดกล้ามเนื้อที่คอยดึงรั้งใบหน้า เพื่อให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น |
Filler (ฟิลเลอร์) | ฉีดสารเหลว หนืด เข้าผิวหนังเพื่อเติมเต็มร่องลึกเป็นจุดๆ ให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น |
Profhilo (โปรฟิลโล) | ฉีดกรดไฮยาลูรอน ให้กระจายใต้ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน |
Rejuran (รีจูรัน) | ฉีด PDRN สารสกัดจาก DNA ของแซลมอน เข้าชั้นผิวเพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน |
Microneedling (ไมโครนีดดิง) | ใช้เข็มขนาดเล็กทิ่มบนใบหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน |
นอกจากตารางที่เห็นด้านบนแล้ว ยังมีเทคนิคยกกระชับหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดอีกหลายรูปแบบ โดยแต่ละรูปแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ควรศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนทำ
ยกกระชับหน้าแบบผ่าตัด
เป็นการผ่าตัดเพื่อดึงผิวหนังให้เต่งตึง โดยมีวิธีการหลากหลายรูปแบบ สำหรับเทคนิคที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันจะเป็นการดึงหน้าที่ระดับชั้นผิว SMAS เป็นการศัลยกรรมที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ใช้เวลาพักฟื้นนาน แต่ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานหลายปี หากมีการดูแลตัวเองหลังทำเป็นอย่างดีตามคำแนะนำของแพทย์
เหมาะสำหรับคนที่ใบหน้ามีความหย่อนคล้อยมาก ไม่สามารถแก้ไขด้วยการยกกระชับหน้าแบบไม่ผ่าตัดแล้ว อย่างไรก็ตามการดึงหน้านั้นมีข้อเสียและผลข้างเคียง ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ให้เวลาตัวเองได้คิดก่อนตัดสินใจทำ
ข้อมูลอ้างอิง
- https://www.healthline.com/health/non-surgical-facelift (Accessed on 20 February 2023)