Search
Close this search box.
คนเกียจคร้านมีลักษณะเป็นอย่างไร

10 สัญญาณเตือน! คนเกียจคร้านมีลักษณะเป็นอย่างไร?

ภาพรวมเนื้อหา

บทความนี้จะมาพูดถึงคนเกียจคร้านมีลักษณะเป็นอย่างไร? ไม่มีใครอยากถูกมองว่าเป็นคนเกียจคร้าน แม้แต่คนที่เกียจคร้านเองก็ตาม แต่การเกลียดคำนี้ไม่ได้หมายความว่า ไม่ใช่คนเกียจคร้าน ความจริงแล้ว หลายคนใช้ชีวิตโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังมีนิสัยเกียจคร้าน จนกระทั่งมันกลายเป็นลักษณะนิสัยเด่นของตัวเอง

ในสังคมที่เต็มไปด้วยการเร่งรีบ แข่งขัน การเป็นคนที่มีสไตล์การใช้ชีวิตแบบ “ช้าๆ” ถูกมองว่าเป็นคน “ขี้เกียจ” “ไม่มีไฟ” “ขาดแรงจูงใจ” แต่จริงๆแล้ว แค่พอใจกับการใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เร่งรีบ เหมือนคนอื่นๆ

แต่สิ่งที่ทำในแต่ละวัน จะช่วยผลักดันไปสู่เป้าหมาย หรือฉุดรั้งไว้ บางครั้งอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด อาจเป็นสิ่งที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรง นั่นคือ “ความเกียจคร้าน”

ต่อไปนี้คือ 10 สัญญาณเตือน! คนเกียจคร้านมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง?

การผัดวันประกันพรุ่ง

“การผัดวันประกันพรุ่ง” จะหาเหตุผลต่างๆ เพื่อเลื่อนภารกิจออกไปจนถึงนาทีสุดท้าย เพราะรู้สึกสบายใจมากกว่า เมื่อไม่ได้ทำอะไรเลย ใช้เวลานี้ในการพักผ่อน และทำสิ่งที่ใช้ความพยายามน้อยลง หลังจากที่ได้ลงมือทำอะไรที่เป็นประโยชน์ไปนิดหน่อย แต่น่าเสียดายที่แนวโน้มการผัดวันประกันพรุ่ง ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการขาดความทะเยอทะยาน เพราะจะไม่ค่อยทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง

  • ด้วยเหตุนี้ ผู้คนมองว่าเป็นคนไม่มีแรงจูงใจ หรือขี้เกียจ แต่มันไม่ได้หมายความว่าไร้ความสามารถ หรือไม่ดีพอเสมอไป
  • คุณเห็นคุณค่าของช่วงเวลาพักผ่อน เพราะว่าเวลาที่คุณได้พัก คุณจะไม่รู้สึกกดดัน ที่ต้องขยันตลอดเวลา

กลัวความล้มเหลว

เอาตรงๆ เลยนะ หนึ่งในเหตุผลที่พบบ่อยที่สุด ที่คนไม่ก้าวหน้าในชีวิต ก็เพราะว่าพวกเขากลัว กลัวความล้มเหลว กลัวการถูกปฏิเสธ กลัวความผิดหวัง อาจจะพบว่าตัวเองหลีกเลี่ยงความท้าทาย หรือโอกาสใหม่ๆ เพราะกลัวว่าจะประสบความสำเร็จไม่ได้ และนั่นก็ไม่เป็นไร การกลัวความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติของมนุษย์

  • แต่ความกลัวนี้ ถูกเข้าใจผิดว่า เป็นการขาดความสนใจ เพราะดูเหมือนไม่กล้าเสี่ยง หรือก้าวออกจากเซฟโซนม
  • คุณอาจจะเห็นคุณค่าของความปลอดภัย และความมั่นคง เพราะว่าเวลาที่คุณไม่ได้เสี่ยง คุณจะไม่รู้สึกกดดัน จากความกลัวที่จะล้มเหลว

จำไว้ว่า การล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ การล้มก็เป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคือ คุณต้องลุกขึ้น และเดินต่อไป

รอคอยช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบเสมอ

ชอบรอคอย “ช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ” ที่จะเริ่มต้น เช่นอยากจะเริ่มเขียนบล็อก แต่จะพูดเสมอว่า กำลังรอแล็ปท็อปที่สมบูรณ์แบบ แนวคิดที่สมบูรณ์แบบ หรือเวลาที่สมบูรณ์แบบ ก่อนที่จะเริ่มได้ สัปดาห์กลายเป็นเดือน เดือนกลายเป็นปี แล้วเดาเอาสิ ไม่เคยเริ่มเขียนบล็อกนั้นเลย นี่เป็นนิสัยคลาสสิคของคนที่ไม่ก้าวหน้าในชีวิต จะรอให้ทุกอย่างลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนที่จะลงมือทำอะไร

  • การรอคอยช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบตลอดเวลาถูกเข้าใจผิดว่า เป็นการขาดความริเริ่ม เพราะดูเหมือนไม่ลงมือทำอะไรเลย
  • คุณหลงใหลในความสมบูรณ์แบบมาก จนเมื่อคุณรอคอยช่วงเวลานั้น ก็จะไม่รู้สึกกดดัน หรือกลัวที่จะล้มเหลว หรือทำผิดพลาด

ขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต

คนที่ชอบ “เพ้อฝัน” เกี่ยวกับอนาคต จะประสบความสำเร็จน้อยกว่า คนที่ไม่ก้าวหน้าในชีวิต จะขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต คุณอาจจะฝันกลางวันถึงอนาคตที่สวยหรู แต่พอถึงเวลาที่จะตั้งเป้าหมาย และวางแผนที่ชัดเจน คุณจะทำได้ไม่สำเร็จ

  • การขาดทิศทางนี้ ถูกเข้าใจผิดว่า เป็นการขาดแรงขับเคลื่อน เพราะคุณดูเหมือนไม่มีเป้าหมาย หรือแผนการที่ชัดเจน
  • คุณอาจจะชอบใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เพราะว่าเวลาที่คุณไม่ได้โฟกัสกับอนาคต คุณจะไม่รู้สึกกดดัน ที่จะต้องวางแผนทุกๆ ก้าวล่วงหน้า

ใร้ระเบียบวินัย

คุณอาจจะมีไอเดียที่ดีที่สุด ความคิดที่สร้างสรรค์ที่สุด แต่ถ้าไม่มีวินัยในการนำไอเดียเหล่านั้นไปปฏิบัติ มันก็จะคงอยู่แค่เป็น “ไอเดีย” เท่านั้น

  • การต่อสู้กับวินัยนี้ ถูกเข้าใจผิดว่า เป็นการขาดความมุ่งมั่น เพราะดูเหมือนไม่ยึดติดกับแผน หรือไม่ทำให้ไอเดียของคุณสำเร็จ
  • คุณอาจจะเห็นคุณค่าของการอยู่กับปัจจุบัน และความยืดหยุ่นมากกว่า เพราะว่าเวลาที่คุณไม่ได้ถูกผูกมัด ด้วยตารางเวลาที่แน่นอน หรือกิจวัตรประจำวัน จะไม่รู้สึกกดดัน ที่จะต้องยึดติดกับแผนตลอดเวลา

รู้สึกกดดันกับงานใหญ่

บางครั้ง เส้นทางข้างหน้าอาจดูท้อแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้องเผชิญกับงานที่ใหญ่โต หรือเป้าหมายที่สูงส่ง การรู้สึกกดดันเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง คุณอาจจะพบว่าตัวเองพยายามเลี่ยงงานใหญ่เหล่านี้ หรือแบ่งงานใหญ่ ออกเป็นงานย่อยๆ ที่จัดการได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป

  • วิธีการนี้อาจถูกเข้าใจผิดว่า เป็นการขาดความทะเยอทะยาน เพราะคุณดูเหมือนไม่กล้าเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่โดยตรง
  • คุณอาจจะเห็นคุณค่าของงานเล็กๆ ที่จัดการได้ เพราะว่า เมื่อคุณไม่รู้สึกกดดันจากความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ คุณจะไม่รู้สึกเครียด หรือวิตกกังวล ซึ่งมักมาพร้อมกับความท้าทายเหล่านั้น

การค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เป็นเรื่องที่ดี ความก้าวหน้าก็คือความก้าวหน้า ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม

ขาดแรงกระตุ้นเป็นประจำ

เราทุกคนเคยเป็นแบบนั้น วันหนึ่งคุณเต็มไปด้วยพลังงาน และความกระตือรือร้น แต่วันถัดไป คุณแทบจะลุกจากเตียงไม่ไหว คุณอาจจะพบว่าตัวเองพยายามดึงดูดแรงจูงใจ ให้มาอยู่อย่างต่อเนื่อง บางวันก็ยากกว่าวันอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติอย่างแน่นอน

  • ความผันผวนของแรงจูงใจเหล่านี้อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความเกียจคร้าน เพราะคุณดูเหมือนไม่สามารถรักษาระดับพลังงาน หรือความกระตือรือร้น ไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ
  • คุณอาจจะเห็นคุณค่าของความยืดหยุ่น และการอยู่อย่างสบายๆ เพราะว่าเวลาที่คุณไม่ต้องผลักดันตัวเองตลอดเวลา คุณจะไม่รู้สึกกดดัน จากการที่ต้อง “แอคทีฟ” อยู่เสมอ

การมีวันที่รู้สึกเฉื่อยชา เป็นเรื่องปกติ ท้ายที่สุดแล้ว เราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เครื่องจักร

ราชาแห่งการเลื่อนนาฬิกาปลุก

คุณอาจจะพบว่าตัวเองกดเลื่อนนาฬิกาปลุก บ่อยกว่าที่จำเป็น โดยสัญญากับตัวเองเสมอว่า “อีกแค่ 5 นาที” และเอาจริงๆ นอนเพิ่มอีกไม่กี่นาที มันรู้สึกดีจริงๆ

  • ชอบการเลื่อนนาฬิกาปลุกนี้ ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความเกียจคร้าน เพราะคุณดูเหมือนไม่เริ่มต้นวันใหม่ ได้เร็วเท่าคนอื่นๆ
  • คุณอาจจะเห็นคุณค่าของการพักผ่อน และการผ่อนคลาย เพราะว่า เมื่อคุณไม่ต้องรีบเร่ง ที่จะเริ่มต้นวันใหม่ คุณจะไม่รู้สึกกดดัน จากความเครียดของยามเช้า

การเป็นคนตื่นเช้า ไม่ได้หมายความว่าคุณจะประสบความสำเร็จเสมอไป บางที คนนอนดึก ก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน!

ติดอยู่กับเซฟโซนของคุณเอง

พูดกันตรงๆ เลย ถ้าคุณใช้ชีวิตอยู่แต่ในเซฟโซน คุณจะไม่มีทางเติบโต มันง่ายแค่นั้น คุณอาจจะพบว่าตัวเองหลีกเลี่ยงประสบการณ์ใหม่ๆ หรือความท้าทาย เพราะกลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก แต่การเติบโตไม่ได้เกิดขึ้นจากการอยู่แต่ในเซฟโซน

  • ความลังเลที่จะก้าวออกไป ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการขาดแรงขับเคลื่อน เพราะคุณดูเหมือนไม่แสวงหาประสบการณ์ หรือโอกาสใหม่ๆ
  • คุณอาจจะเห็นคุณค่าของความสบาย และความคุ้นเคย เพราะว่า เมื่อคุณไม่เสี่ยงกับสิ่งที่ไม่รู้จัก คุณจะไม่รู้สึกกดดัน จากความไม่แน่นอน

ชีวิตที่แท้จริง เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่คุณก้าวออกจากเซฟโซน ดังนั้น ลองเสี่ยง และเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง

ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง

เหนือสิ่งอื่นใด เหตุผลสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ทำให้คนไม่ก้าวหน้าในชีวิต ก็เพราะว่าพวกเขาไม่เชื่อมั่นในตัวเอง คุณอาจจะเคยสงสัยในความสามารถ ตั้งคำถามถึงคุณค่า หรือประเมินศักยภาพของตัวเองต่ำไป แต่บอกอะไรคุณอย่าง คุณมีความสามารถมากกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ

  • การขาดความเชื่อมั่นในตัวเองนี้ มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการขาดความทะเยอทะยาน เพราะคุณดูเหมือนไม่มุ่งมั่น ที่จะไขว่คว้าหาสิ่งที่ดีกว่า
  • คุณอาจจะเห็นคุณค่าของการ “ถ่อมตน” “เรียบง่าย” “ไม่โอ้อวด” “ไม่ถือตัว” เพราะว่า เมื่อคุณไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงกับตัวเอง คุณจะไม่รู้สึกกดดัน จากความกลัวความผิดหวัง

แต่การเชื่อมั่นในตัวเอง คือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ ดังนั้น ไว้ใจตัวเอง และยอมรับศักยภาพของคุณ คุณทำได้!

นี่คือ 10 สัญญาณเตือน! คนเกียจคร้านมีลักษณะเป็นอย่างไร? การถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคน “ขี้เกียจ” เป็นเรื่องที่พบเจอได้ทั่วไป คุณอาจจะถูกมองว่าไม่มีแรงจูงใจ ไม่มีความทะเยอทะยาน หรือแม้แต่เป็น “ไอ้ตัวเหนื่อย” แต่นั่นเป็นเพียงเพราะสังคมจะเข้าใจคนเหล่านั้นผิด ที่ไม่ดำเนินชีวิตตามบรรทัดฐานเดิมๆ ที่เร่งรีบ และมุ่งแต่ทำงานหนัก

ดังนั้น ถ้าคุณเป็นคนที่ถูกมองว่า “ขี้เกียจ” เพราะคุณไม่ก้าวหน้าในชีวิตด้วยความเร็วเท่าคนอื่น ไม่ต้องกังวลไป คุณมีมุมมอง และวิธีการใช้ชีวิตที่แตกต่าง ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้

มีเพียงคนที่เต็มใจใช้เวลามาทำความเข้าใจเส้นทางชีวิตของคุณเท่านั้น ที่จะคู่ควรได้เห็นการเติบโตของคุณ!

บทความแนะนำ

ติดตามพวกเราได้ที่
ME AND YOU ENTERTAINMENT CO., LTD.
เลขที่ 111 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. 10240
แจ้งปัญหา/ฝากข่าว [email protected]
ภาพรวมเนื้อหา