หน้าร้อนปีนี้ อากาศร้อนจัดเป็นพิเศษ หลายคนคงรู้สึกไม่สบายตัว อ่อนเพลีย และเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่นโรคจากความร้อนมากขึ้น บทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับโรคยอดฮิตที่มากับหน้าร้อน พร้อมวิธีป้องกันง่ายๆ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดีตลอดทั้งฤดูร้อนนี้
โรคจากความร้อนที่พบบ่อย
1. ผดร้อน (Heat Rash)
เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ เกิดขึ้นในเด็กเล็ก แต่ไม่ใช่แค่เรื่องของเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ก็เป็นได้เช่นกัน โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนและชื้น อาการผื่นร้อนเกิดขึ้นเมื่อเหงื่อออกแล้วไม่สามารถระเหยออกไป ทำให้ติดอยู่ใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ตั้งแต่ตุ่มน้ำใสขนาดเล็ก ไปจนถึงตุ่มนูนแดงอักเสบ บางชนิดของผื่นร้อนจะมีอาการคันมาก
อาการ:
- ผื่นแดง คัน
- พบตามบริเวณใบหน้า ลำคอ ไหล่ แผ่นหลัง แขน ขา
- อาจมีตุ่มน้ำใสๆ เล็กๆ
สาเหตุ:
- เหงื่ออุดตันรูขุมขน
การรักษา และดูแลตัวเอง:
- อาบน้ำเย็นๆ บ่อยๆ
- ทาครีมหรือโลชั่นที่ให้ความชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงการเกา
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- เช็ดตัวให้แห้งสนิทหลังอาบน้ำ
- สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ระบายอากาศได้ดี
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนเป็นเวลานาน
2. บวมแดด (Heat Edema)
บวมแดด อาการบวมจากความร้อน เกิดขึ้นเมื่อเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ในร่างกายรั่วไหลของเหลวออกมา ทำให้ของเหลวไปสะสมอยู่ตามเนื้อเยื่อใกล้เคียง เกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดส่วนปลายชั่วคราว ส่งผลต่อผิวหนัง โดยเฉพาะคำว่า “Heat Edema” นั้น จะหมายถึง อาการบวมที่เกิดจากการสัมผัสความร้อน อาการบวมน้ำจากความร้อน จะปรากฏบริเวณส่วนล่างของร่างกาย เกิดขึ้นกับมือ เท้า และข้อเท้า แต่ก็อาจจะบวมขึ้นทั่วไปได้เช่นกัน ผู้คนจะประสบกับอาการบวมน้ำจากความร้อนบ่อยครั้งในช่วงฤดูร้อนและในสภาพอากาศร้อน
อาการ:
- ขา บวม โดยเฉพาะข้อเท้า
- รู้สึกอึดอัด ตึง
- อาจมีอาการปวด
สาเหตุ:
- ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ทางเหงื่อ
- เส้นเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว
การรักษา และดูแลตัวเอง:
- ดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่ (electrolyte) ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในอากาศร้อน
- ทานอาหารที่มีเกลือแร่ เช่น ผัก ผลไม้
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
- พักผ่อน ยกขาสูง
- สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ระบายอากาศได้ดี
- พักผ่อนในที่เย็นๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนจัด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
3. โรคตะคริวแดด (Heat Cramps)
โรคตะคริวแดด อาการตะคริวจากความร้อน เป็นการเกร็งตัวของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วและปวดร้าว อาจรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อกระตุกหรือสั่นเป็นจังหวะควบคุมไม่ได้ เกิดจากความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ (โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม) โดยปกติ กล้ามเนื้อที่เป็นตะคริวเป็นส่วนที่ใช้งานหนักจนเมื่อยล้า เช่น น่อง หน้าแข้ง แขน ไหล่ และหน้าท้อง อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ขณะออกกำลังกายหรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด หรืออาจตามมาภายหลังอีกไม่กี่ชั่วโมง
อาการ:
- กล้ามเนื้อหดตัว เกร็งอย่างเฉียบพลัน
- ปวด บริเวณขา แขน หรือท้อง
- อาจมีเหงื่อออกมาก
สาเหตุ:
- ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ทางเหงื่อ
- กล้ามเนื้อทำงานหนัก
การรักษา และดูแลตัวเอง:
- ดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่ (electrolyte)
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในอากาศร้อน
- ทานอาหารที่มีเกลือแร่สูง เช่น ผัก ผลไม้
- ยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังออกกำลังกาย
- ยืดกล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นตะคริว
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ในอากาศร้อนจัด
- นวดกล้ามเนื้อเบาๆ
- ประคบเย็น
4. โรคลมแดด (Heat Stroke)
เกิดจากความเครียดในสภาพแวดล้อมที่ร้อน เกิดขึ้นกับทหาร เป็นภาวะที่ร่างกายร้อนจัดจนเกินไป โดยปกติเกิดจากการเผชิญกับอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน หรือการออกแรงกายหนักเกินไปในสภาพอากาศร้อนจัด ภาวะฮีทสโตรกเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดของโรคจากความร้อน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงถึง 40 องศาเซลเซียส (104 องศาฟาเรนไฮต์) หรือสูงกว่า ภาวะนี้พบได้บ่อยในช่วงฤดูร้อน
อาการ:
- อุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส
- เหงื่อออกน้อยหรือไม่มีเหงื่อเลย
- ผิวแห้ง ร้อน แดง
- ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
- มึนงง สับสน
- หมดสติ
สาเหตุ:
- ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกได้
- พบในผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่ออกกำลังกายหนักๆ ในอากาศร้อนจัด
การรักษา และการดูแลตัวเอง:
- รีบนำผู้ป่วยไปยังที่ร่มเย็น
- พาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- เช็ดตัวด้วยน้ำเย็นหรือประคบเย็น
- ให้ดื่มน้ำเย็นๆ ทีละน้อย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในอากาศร้อน
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน
- สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ระบายอากาศได้ดี
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
- พักผ่อนให้เพียงพอ
โรคลมแดด (Heat stroke) เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะฮีทสโตรกจะส่งผลเสียต่อสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว ความเสียหายจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหรือเสียชีวิต
5. โรคเพลียแดด (Heat Exhaustion)
โรคเพลียความร้อน อาการอ่อนเพลียจากความร้อน เกิดขึ้นเมื่อร่างกายร้อนเกินไป การสัมผัสกับอุณหภูมิสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ร่วมกับการออกแรงกายอย่างหนัก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว อาการอ่อนเพลียจากความร้อนอาจนำไปสู่แผลร้อน โดยอาการอาจรวมถึง เหงื่อออกมาก และชีพจรเต้นเร็ว
อาการ:
- รู้สึกอ่อนเพลีย อ่อนแรง
- เหงื่อออกมาก
- เวียนหัว หน้ามืด
- คลื่นไส้ อาเจียน
- กล้ามเนื้อเป็นตะคริว
สาเหตุ:
- ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ทางเหงื่อ
การรักษา และดูแลตัวเอง:
- ดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่ (electrolyte)
- พักผ่อนในที่ร่มเย็น
- ประคบเย็น
- พาไปพบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในอากาศร้อน
- ทานอาหารที่มีเกลือแร่ เช่น ผัก ผลไม้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน
- สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ระบายอากาศได้ดี
อาการอ่อนเพลียจากความร้อน(Heat Exhaustion) จัดเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับความร้อน 1 ใน 3 ชนิด โดย โรคตะคริวแดด (Heat Cramps) เป็นอาการที่ไม่รุนแรงที่สุด และ โรคลมแดด (Heatstroke) เป็นอาการที่รุนแรงที่สุด
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ท้าทายที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาระยะยาว ส่งผลให้เกิดคลื่นความร้อนรุนแรงและสภาวะอากาศเลวร้ายเป็นพักๆ อากาศร้อนจัด ภัยเงียบที่คุกคามชีวิต ผลกระทบของคลื่นความร้อนและอุณหภูมิเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการเกิดโรคจากความร้อน (Heat-related illnesses: HRIs) มากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการทบทวนกลยุทธ์ป้องกันและรักษาที่มีอยู่เดิม เพื่อนำไปสู่การวิจัยในอนาคต
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6969637 (Accessed on: 6 May 2024)
https://www.cdc.gov/niosh/topics/heatstress/heatrelillness.html (Accessed on: 6 May 2024)
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/heat-exhaustion/symptoms-causes/syc-20373250 (Accessed on: 6 May 2024)